การศึกษานอกชั้นเรียน : (6th October,2015)
การฝึกทักษะการอ่าน
                ปัจจุบันถือได้ว่าเป็นยุคแห่งโลกาภิวัตน์ 
มีความเจริญทางด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา
การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์  การติดต่อสื่อสารของคนทั่วโลกในเรื่องต่างๆจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาที่เป็นสากล  ซึ่งในการสื่อสารกับผู้คนนั้นเราจะต้องมีทักษะทางภาษาที่มากพอ
เราจะต้องมีการศึกษาหาความรู้เพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้านต่างๆให้ตนเอง  การอ่านถือเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษจะต้องมีการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ  เพราะการอ่านเป็น
กระบวนการที่ผู้อ่านรับรู้สารซึ่งเป็นความรู้ 
ความคิด  ความรู้สึก  และความคิดเห็นที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร  การที่ผู้อ่านจะเข้าใจสารได้มากน้อยเพียงไดขึ้นอยู่กับประสบการณ์  ความสามารถในการใช้ความคิด และความพยายามของแต่ละบุคคล ฉะนั้นการอ่านมีความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
เพราะการอ่านเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาบุคคล ช่วยให้เกิความงอกงามทางสติปัญญาและมีส่วนผลักดันให้สังคมเจริญก้าวหน้าไปได้เร็วขึ้น
 
                ในชีวิตของแต่ละคนมีเรื่องของสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด ข้อมูลข่าวสาร
เพื่อให้เกิดความเข้าใจและสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน 
ข้อสำคัญจะอ่านสารให้มีประสิทธิภาพก็จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์
มีความเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของประโยค
และไวยากรณ์และมีความเข้าใจเรื่องราวที่อ่านอย่างชัดเจน
สังคมปัจจุบันเป็นสังคมในยุคโลการภิวัตน์
มีเทคโนโลยีและสื่อต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องในการติดต่อสื่อสารซึ่งถือเป็นการสื่อสารที่จำกัด  ดิฉันคิดว่าการอ่านมีความสำคัญมาก
ผู้อ่านต้องอ่านเพื่อให้ตนเองเข้าใจจุดมุ่งหมาย 
เนื้อหามีประโยชน์หรือไม่  สามารถตีความสารที่อ่านได้อย่างเข้าใจเพื่อความบันเทิงและเพื่อหาความรู้
ซึ่งเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันไดฝึกทักษะการอ่านมาแล้ว
ในสัปดาห์นี้ดิฉันจึงฝึกทักษะการอ่านต่อโดยเริ่มฝึกตั้งแต่ วันที่ 6 -12 ตุลาคม 2558
                วันที่ 6-7 ตุลาคม 2558
ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านโดยการอ่านบทความรื่อง Are You Eating Too Much Protein? จาก http://www.everydayhealth.com/healthy-living/reasons-to-drop-your-gym-membership-this-year.aspx เหตุผลที่ดิฉันเลือกฝึกทักษะการอ่านจากเรื่องนี้เพราะว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
  
มันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราที่เราต้องควรรู้
เป็นวิธีการในการดูแลสุขภาพ เมื่อดิฉันฝึกอ่านบทความนี้ดิฉันสามารถจับใจความได้ว่า
“อาหารที่มีโปรตีนสูงจะส่งผลเสียต่อไต นักวิจัยพบว่าชาวอเมริกาที่มีน้ำหนักตัวมาก พบว่าพวกเขาพยายามกินยาลดน้ำหนักเพื่อที่จะลดน้ำหนัก
เป็นสาเหตุให้ไตถูกทำลายและเป็นโรคไตเรื้อรังและมีปัญหาเกี่ยวกับการเจริญเติบโต
การรับประทานอาหารที่มีโปรตีน15% ต่อวัน ซึ่งโปรตีน1กรัมจะเท่ากับ 4
แคลอรี่ การรับประทานอาหารที่โปรตีนมากว่า35% ต่อวันถือว่ามีโปรตีนสูง เราควรบริโภคโปรตีน75-120
กรัมต่อวัน”  สำหรับการฝึกอ่านบทความนี้เริ่มตั้งแต่วันที่6 ดิฉันได้ฝึกอ่านบทความโดยไม่มีการแปลใดๆเลย
2 รอบโดยดูความหมายจากบริบท  
จากนั้นก็หาคำศัพท์ที่ไม่รู้  แล้วฝึกอ่านอีกรอบหนึ่ง  ส่วนวันที่ 7 จะเป็นการอ่านบทความเพื่อทบทวน รวมไปถึงการอ่านเน้นเสียงคำ
การอ่านเชื่อมคำ การอ่านแบบมีสำเนียงภาษาอังกฤษ เมื่อดิฉันได้อ่านบทความเรื่องนี้แล้วดิฉันได้ปรับปรุงและพัฒนาทักษะการอ่านในเรื่องของการอ่านออกเสียง
การอ่านจับใจความสำคัญ
และได้ทราบว่าคนเขียนได้เขียนบทความเรื่องนี้มาเพื่อให้ผู้อ่านมีความรู้ในการเลือกรับประทานอาหารประเภทโปรตีนในแต่ละวัน  ได้เรียนรู้ถึงการอ่านstressคำ และการอ่าน linking
words ได้ฝึกการออกเสียงไปในตัวด้วย
อีกทั้งยังได้รู้คำศัพท์ใหม่ๆอีกด้วย
                วันที่ 8-9 ตุลาคม 2558
ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านโดยอ่านจากบทความเรื่อง The Health Benefits, and Risks, of Alcohol จาก http://www.everydayhealth.com/diet-nutrition/meal-planning/shopping/foods-to-avoid.aspx  เหตุผลที่ดิฉันเลือกฝึกการอ่านจากเรื่องนี้เพราะว่ามันเป็นความรู้ที่เกี่ยวกับสุขภาพของทุกคน 
เมื่อดิฉันได้อ่านบทความนี้แล้วสามารถจับใจความได้ว่า
“แอลกอฮอล์มีทั้งประโยชน์และโทษ 
มีนักวิจัยค้นพบว่าการดื่มแอลกอฮอล์จะส่งผลต่อหัวใจและส่วนต่างๆของร่างกาย  ข้อดีของการดื่มแอลกอฮอล์คือลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ
เส้นเลือดอุดตันในสมอง นิ่งในถุงน้ำดีเบาหวาน โรคจิตเสื่อม และช่วยในการเผาผลาญอาหารอีกด้วย และไวน์สีแดงลดการติดเชื้อในกระแสเลือด
ส่วนข้อเสียของการดื่มแอลกอฮอล์ที่มากก็จะส่งผลต่อหัวใจ ทำให้เกิดความเครียด
ทำให้เป็นความดันโลหิตสูง ส่งผลต่อการทำงานของตับและไต เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
โรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้”  สำหรับการฝึกอ่านบทความนี้เริ่มตั้งแต่วันที่
8 ดิฉันได้ฝึกอ่านบทความแบบ skimming และ scanning อ่านโดยไม่มีการแปลใดๆเลย 2 รอบโดยดูความหมายจากบริบท  
จากนั้นก็หาคำศัพท์ที่ไม่รู้แล้วฝึกอ่านอีกรอบหนึ่ง  ส่วนวันที่ 9 จะเป็นการอ่านบทความเพื่อทบทวน
รวมไปถึงการอ่านเน้นเสียงคำ การอ่านเชื่อมคำและการอ่านออกเสียงคำต่างๆ ซี่งจากการที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านนี้ทำให้ดิฉันมีความรู้เกี่ยวกับประโยชน์และพิษภัยของแอลกอฮอล์
ถ้าหากดื่มในปริมาณที่มากก็จะก่อให้เกิดโรคตามมา
และดิฉันได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆอีกด้วย
                วันที่ 10-11 ตุลาคม 2558
ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านโดยการอ่านจากบทความเรื่อง Get a Memory Boost From
Food จาก http://www.everydayhealth.com/healthy-living/food-and-your-memory.aspx  สาเหตุที่ดิฉันเลือกอ่านบทความนี้เพราะว่าเป็นบทความที่น่าสนใจ  เมื่อดิฉันฝึกการอ่านแล้วทำให้ได้เรียนรู้ถึง
“อาหารต่างๆที่ช่วยในการทำงานของสมอง อาหารที่ช่วยบำรุงสมองได้แก่ สารหารต่างๆ
วิตามิน ไขมัน โปรตีนและน้ำตาล ช่วยในการทำงานของสมอง นอกจากนี้ไขมัน มะกอก
เมล็ดงาและผลไม้เปลือกแข็งยังสามารถลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
โอเมกา3จากปลาที่อยู่ในน้ำแข็งจะช่วยพัฒนาเรื่องความจำ 
ผลไม้สีต่างๆประเภทเบอร์รี่ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม
และกลูโคสช่วยในการทำงานของสมอง ช่วยให้มีความจำดี”  ในวันที่ 10 ดิฉันได้ฝึกอ่านบทความโดยไม่มีการแปลใดๆเลย 2
รอบโดยดูความหมายจากบริบท การอ่านแบบ skimming และ scanningจากนั้นก็หาคำศัพท์ที่ไม่รู้แล้วฝึกอ่านอีกรอบหนึ่ง  ส่วนวันที่ 7
จะเป็นการอ่านบทความเพื่อทบทวนและการอ่านเพื่อพัฒนาการอ่านออกเสียง 
เมื่อดิฉันได้อ่านบทความนี้แล้วทำให้ทราบถึงอาหารชนิดต่างๆที่ช่วยในการทำงานของ
ดิฉันได้ฝึกการอ่านแล้วดิฉันคิดว่าดิฉันได้พัฒนาการอ่านในระดับหนึ่ง
ได้เรียนรู้ถึงการอ่านstressคำ และการอ่าน linking words ได้ฝึกการออกเสียงไปในตัวด้วย อีกทั้งยังได้รู้คำศัพท์ใหม่ๆอีกด้วย
          วันที่ 12 กันยายน 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากบทความก่อนหน้านี้ที่ดิฉันได้ฝึกอ่านไปแล้ว
คือ บทความเรื่อง Are You Eating Too Much Protein? , The Health Benefits, and Risks, of Alcohol และเรื่อง Get a Memory
Boost From Food  มาฝึกอ่านเพื่อให้ได้สำเนียง
(Intonation) เป็นอังกฤษ ฝึกการอ่านเว้นวรรค การstress คำอีกครั้งเพื่อให้ได้ทักษะการอ่านอย่างแท้จริง
                                ทักษะทางภาษามีความสำคัญ ทุกคนจะต้องมีการฝึกทักษะการฟัง
พูด อ่านและเขียน
เพื่อใช้สื่อสารกับผู้อื่นเพื่อให้เกิดความเข้าใจและตอบสนองซึ่งกันและกัน
เมื่อเราฝึกทักษะเหล่านี้จนชำนาญเราก็จะสามารถเรียนรู้ในสิ่งต่างๆได้ดี  ซึ่งทักษะที่ดิฉันได้ฝึกไปคือทักษะการอ่าน
ทำให้ดิฉันมีการพัฒนาทักษะการอ่านมากกว่าเดิม สิ่งสำคัญของการฝึกทักษะการอ่านคือ
ผู้อ่านจะต้องมีความแน่วแน่ในการอ่านและหาจุดประสงค์ของเรื่องที่อ่านให้ได้  ดิฉันคิดว่าถ้าเราฝึกทักษะการอ่านเป็นประจำจะทำให้เรามีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์มากขึ้น
มีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้คำ 
มีทักษะในการแปล 
มีความเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของประโยคและไวยากรณ์อย่างถูกต้อง    มีความเข้าใจเรื่องราวที่อ่านอย่างชัดเจน
และสามารถที่จะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ของข้อความในบทความหรือสิ่งที่อ่าน 
ทำให้เราเป็นคนที่รู้ทันโลกทันเหตุการณ์และมีความรู้รอบตัวเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ สามารถจับประเด็นสิ่งต่างๆได้เมื่อได้อ่านสิ่งต่างๆ
 
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น